การเลือกซื้อ Flashdrive
¢ตัวบอดี้ และการออกแบบในส่วนต่างๆใครจะว่าการออกแบบไดรฟ์ประเภทนี้ไม่สำคัญ ผมขอเถียงสุดติ่งเลยครับ เพราะว่าไดรฟ์พวกนี้ต้องนำไปพกพา และยังต้องเชื่อมต่อเข้ากับพอร์ต USB อีกด้วย ต้องให้ความสำคัญกันมากๆ หน่อย เพราะมีคนซื้อมาแล้ว ไม่สามารถเสียบเข้ากับ USB พอร์ตได้ เพราะตัวไดรฟ์มันอ้วน ดันไปติดกับสายเมาส์ และสายคีย์บอร์ด ดังนั้นการพิจารณาในเรื่องของการออกแบบนี้โดยต้องดูกันตั้งแต่วัสดุที่ใช้กันเลยครับ ส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกนั่นแหละ บางยี่ห้อก็ดีหน่อยบีบๆ แล้วรู้สึกแข็งดี บางยี่ห้อบีบแล้วมันงอๆ ได้ แต่ก็ราคาถูกกว่า นอกจากนี้ตรงอินเทอร์เฟส (หัวเชื่อมต่อ)ของไดรฟ์มีวัสดุที่ปิดเอาไว้หรือไม่ บางยี่ห้อก็มีให้เป็นพลาสติกใสๆ บางยี่ห้อก็จะเป็นสีเดียวกับตัวไดรฟ์เลย ควรดูด้วยครับว่า ปิดแน่นสนิท หรือว่าหลุดง่ายหรือไม่ ฝาปิดตรงนี้ค่อนข้างสำคัญครับ เพราะถ้าคุณสังเกตให้ดีตรงหัวสำหรับเชื่อมต่อ มันจะมีร่องอยู่ด้านในด้วย ถ้าอะไรหลุดเข้าไปติดคงสร้างความเสียหายให้กับไดรฟ์ได้ไม่น้อย เผลอๆ จะลามไปถึงเจ้าพีซี หรือโน้ตบุ๊กที่คุณใช้อยู่ด้วยครับ ซึ่งมีหลายๆ ยี่ห้อ เขาก็ออกแบบฝาปิดแบบ ให้หายได้ยากหน่อย คือ มีจุดเชื่อมกับตัวไดรฟ์เอาไว้เลย ป้องกันการหายได้ ส่วนต่อไปเป็นเรื่องของขนาดของไดรฟ์ครับ ขนาดของไดรฟ์มีผลต่อการพกพาเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งใหญ่ ยิ่งหนัก ยิ่งเกะกะ ไดรฟ์บางรุ่นที่มีความสามารถหลายๆ อย่างจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ ทำให้เวลาเราเอาไปเสียบกับพอร์ต USB มันจะเสียบเข้าไปลำบาก และบางครั้งก็เสียบไม่ได้เลยก็มี ดังนั้นผู้ผลิตเขาก็ได้ให้สายสำหรับเชื่อมต่อมาให้เพิ่มเติม เวลาใช้งานก็นำสายสำหรับเชื่อมต่อมาเสียบเข้ากับพอร์ต USB ก่อน แล้วเอาเจ้าไดรฟ์มาเสียบกับสายนี้อีกที ก็สะดวกในระดับหนึ่งครับ แต่นึกถึงว่า เวลาเราต้องไปไหนมาไหนบ่อยๆ แล้วต้องมาพกสายอีก คงไม่สะดวกนักครับ ถ้าคุณจัดอยู่ในประเภทผู้ใช้ที่ต้องพกพาไปใช้ที่อื่นบ่อยๆ หลีกเลี่ยงไดรฟ์ที่มีขนาดใหญ่ๆ เอาไว้เป็นดีที่สุดครับ นอกจากนี้การออกแบบไดรฟ์ ยังได้เพิ่มความสามารถในการนำมาห้อยคอไว้ด้วย ซึ่งจะมีช่องสำหรับร้อยสายห้อยคอมาให้ ไดรฟ์บางรุ่นที่สามารถเล่นเพลง MP3 ได้ด้วย อาจจะทำสายห้อยคอให้เป็นหูฟังไปในตัวด้วยเลย ส่วนนี้ต้องลองไปดูของจริงที่ร้านค้าครับ เพราะผมคงบอกได้ลำบาก เนื่องจากคอของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากัน น้ำหนักที่รองรับได้ก็ต้องต่างกันครับ ถ้ามันหนักมากๆ ก็เอาใส่กระเป๋าจะดีกว่า ในส่วนนี้ ก็ลองพิจารณากันดูนะครับ
ที่มาคำว่า Flash Drive
¢ Flash Drive มีชื่อจริงว่า USB Mass Storage Device ส่วนใหญ่เรียกกันว่า USB Flash Memory Drive , USB Flash Drive Memory หรือ USB Flash Drive การใช้งานเชื่อมต่อกับ Computer ผ่านทาง Port USB ใช้ Flash Memory เก็บข้อมูล ทำงานเป็น Drive เหมือน HardDisk อ่านและบันทึกข้อมูลได้อย่างเดียวไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ ซึ่งเป็นยุคต่อมาจาก Thumb drives ราคาถูกลง ความจุมีมากขึ้น ขนาดของตัว Flash Drive เล็กลงด้วย บางยี่ห้อมีขนาดประมาณ 1 นิ้ว
ปุ่มป้องกันการเขียน
มีมาให้ทุกตัวครับสำหรับปุ่มนี้ ขนาดมันก็จะเล็กๆ หน้าที่ของมันก็คือ ป้องกันการลบและใส่ข้อมูลลงไปในไดรฟ์ ปุ่มนี้สำคัญกับคนที่มักจะหลงลืมชอบลบนั่นลบนี้เป็นประจำ แต่อย่าลืมเลื่อนปุ่มไปในตำแหน่งป้องกันการเขียนก็แล้วกัน มิเช่นนั้น อะไรก็ช่วยคุณไม่ได้ สำหรับปุ่มนี้ เนื่องจากมันมีขนาดเล็ก อาจจะไม่ค่อยสะดวกต่อการใช้งานมากนัก และอาจจะเลื่อนค่อนข้างลำบาก แต่บางยี่ห้อเขาทำมาก็ค่อนข้างใช้ได้เลยครับ ตำแหน่งมันพอเหมาะพอดี และเลื่อนไปมาได้สะดวก ยังไงลองไปเลื่อนดูนะครับ แต่อย่าเลื่อนแรงหล่ะ มันหักง่ายนะครับ
ไฟแสดงสถานะการทำงาน
ไฟนี้จะคอยแสดงการทำงานของตัวไดรฟ์ให้ทราบครับ เช่น เมื่อเราเชื่อมต่อเข้ากับพีซีแล้วไฟแสดงสถานะจะติดสว่าง และถ้ามีการอ่าน-เขียนข้อมูลไฟแสดงสถานะก็จะกระพริบ แต่ละยี่ห้อก็จะใช้ไฟแสดงสถานะนี้สีต่างๆ กันไป โดยประโยชน์หลักๆ จากไฟตัวนี้ ทำให้เราทราบว่าไดรฟ์สามารถทำงานได้อย่างปกติทั้งการเชื่อมต่อการอ่าน-เขียน ถึงแม้ว่าเราจะถูกจากหน้าจอได้ แต่ถ้าดูที่ไดรฟ์ได้ด้วยก็จะดีกว่าครับ
ฟีเจอร์เสริมเพิ่มเติมอื่นๆ
สำหรับฟีเจอร์ที่ผู้ผลิตหลายรายใส่เพิ่มเติมเข้ามา ก็มีหลายๆ อย่างด้วยกันครับ อย่างเช่น ตัวไดรฟ์สามารถบูตเครื่องไดรฟ์ ระบบเข้ารหัสข้อมูล ระบบป้องกันข้อมูลด้วยรหัสผ่าน เป็นต้น ซึ่งความสามารถต่างๆ เหล่านี้ ผมว่ามีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะแฟลชไดรฟ์ที่สามารถบูตเครื่องได้ เพราะบางครั้งระบบปฏิบัติการในเครื่องอาจจะมีปัญหา การที่บูตเครื่องได้ ก็ยังสามารถเข้าสู่ฮาร์ดดิสก์เพื่อดึงข้อมูลออกมาใช้งานได้ในกรณี ที่เร่งด่วนจำเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่มีข้อมูลๆ สำคัญๆ การป้องกันด้วยรหัสผ่านอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นการเข้ารหัสข้อมูลจะเป็นทางเลือกที่ทางที่จะป้องกันข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุดครับ ยังไงฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้ เขาใส่มากับตัวไดรฟ์อยู่แล้ว แถมบางรุ่นราคาก็ยังเท่ากับไดรฟ์ที่ไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้
ซอฟต์แวร์ยูทิลีตี้
นอกจากไดรเวอร์ที่มีมาให้แล้ว ส่วนใหญ่จะมีซอฟต์แวร์มาให้ด้วยครับ ซอฟต์แวร์ต่างๆ เหล่านี้ จะมาทำหน้าที่ในการจัดการไดรฟ์ให้ใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ เช่น การกำหนดรหัสผ่าน การกำหนการเข้ารหัสข้อมูล การฟอร์แมตไดรฟ์ การจัดการป้องกันไดรฟ์ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นไดรฟ์ที่มีความสามารถอื่นๆ ร่วมด้วย ก็อาจจะใส่ซอฟต์แวร์ที่จะเข้ามาจัดการความสามารถนั่นๆ เพิ่มเติมมาให้ เช่น โปรแกรมแปลงออดิโอซีดีเป็นไฟล์เอ็มพี สาม ซอฟต์แวร์สำหรับจัดการเรื่องการ บันทึกเสียง เป็นต้น การรับประกันการรับประกันทั่วๆ ไป อยู่ที่ 1 ปี พร้อมเงื่อนไขอีกมากมาย ลองอ่านสักหน่อยจะได้ไม่เสีย ผลประโยชน์ และถ้าข้อมูลของคุณสำคัญ ก็จัดการแบ็กอัพเก็บไว้ที่อื่น ๆ ด้วย ก็จะดีที่สุด ของแบบนี้ไว้ใจกันไม่ค่อยได้